สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีความพร้อมในการออกใบอนุญาติให้บริษัทสัญชาติอเมริกาทำธุระกิจกับ Huawei ได้อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และอาจมีเงือนไขในการกำหนดประเภทสินค้าที่สามารถขายและซื้อได้ นั่นหมายความว่าสินค้าบางประเภทอาจถูกสั่งห้ามซื้อขาย.
การเริ่มดำเนินการออกใบอนุญาติในครั้งนี้
เป็นการตัดสินในโดยตรงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ใบอนุญาตทำธุระกิจกับหัวเว่ยในครั้งนี้จะเรียกว่าเป็นการ ยอมงอแต่ไม่ยอมหักก็ได้ เพราะใจหนึ่งก็ไม่อยากยกเลิกคำสั่งแบน และอีกฝั่งก็โดนกดดันจากหลายๆบริษัท การตัดสินใจครั้งนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้
อันที่จริงทีมงานทรัมป์ได้มีการเปรยเรื่องใบอนุญาตนี้มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว เดือนสิงหา มีการยื่นคำขอออกใบอนุญาติจากบริษัทต่างๆกว่า 130 คำขอ แต่เพิ่งจะได้ไฟเขียว
Apple ตัดสินใจลบแอ้พ HKmap.live ออกจาก App Store โดยแอ้พดังกล่าวถูกใช้อย่างแพร่หลายในฮ่องกง ชาวฮ่องกงใช้แอ้พนี้เื่อมาร์คตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งเตือนจุดที่มีการปิดถนน ระหว่างการประท้วงในฮ่องกงที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
Apple ได้ออกแถลงการโดยระบุว่า “เราสร้าง App Store ขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่ที่มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้ในการค้นหาแอ้พต่างๆ และเราเห็นว่าแอ้พ HKmap.live ถูกใช้ไปในทางที่เป็นอันตรายต่อชาวฮ่องกงและขัดต่อการบังคับใช้กฏหมาย. ผู้ใช้หลายคนติดต่อมาทางเรา และมีความกังวลเกี่ยวกับแอ้พดังกล่าว และเราได้เริ่มทำการสืบสวนทันที. มีการใช้แอ้พนี้ในการบอกตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของฮ่องกงได้มีการยืนยันว่า แอ้พนี้ถูกใช้เพื่อการชี้เป้าและซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่, คุกคามความปลอดภัยต่อสาธารณชน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่ไม่มีการบังคับใช้กฏหมายต้องตกเป็นเหยื่อภัยคุกคาม. แอ้พนี้ละเมิดขอบเขตของเราและกฏหมายท้องถิ่น และเราได้ทำการลบแอ้พดังกล่าวออกจาก App Store เรียบร้อยแล้ว”.
ขณะที่ทางผู้พัฒนาแอ้พนี้ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาของหน่วยงานป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีของฮ่องกงว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีหลักฐานใดๆมาสนับสนุนเลย แอ้พนี้ไม่ได้มีการส่งเสริม ยุยงให้เกิดการก่ออาชญากรรมใดๆ มีแค่การรวบรวมข้อมูลเท่านั้น.
นาย เกเบรเซุส กล่าวต่อว่า เขาอยากให้ประเทศที่ตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวยกเลิกแผนดังกล่าว เพื่อที่วัคซีนจะไปถึงมือประชาชนในประเทศที่ยากไร้ และเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องรับไม่ได้ที่ประเทศใหญ่ที่ใช้ทรัพยาการวัคซีนจนเกือบหมดแล้ว ต้องการวัคซีนเพิ่มอีก
ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกตั้งเป้าว่าประชาชนร้อยละ 10 ในทุกประเทศจะได้รับวัคซีนโควิดในเดือนหน้า อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเป้าหมยดังกล่าวเป็นเรื่องยาก ซึ่งสำนักข่าว BBC ระบุว่า คองโก และ เฮติ เป็นสองชาติที่ยังไม่มีประชาชนได้รับวัคซีนเข็มสองแม้แต่คนเดียว
อเมริกา เริ่มเจรจาข้อตกลงแลกเปลี่ยน ‘ข้อมูลอิเล็คทรอนิค’ กับหลายๆประเทศ
สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯเริ่มมีการเจรจาข้อตกลงอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลออสเตรเลียเกี่ยวกับการแบ่งปันข้อมูลหลักฐานทางอิเล็คทรอนิค โดยนาย William Barr อัยการสูงสุดสหรัฐฯ และนาย Peter Dutton รัฐมลตรีฝ่ายกิจการภาายในของออสเตรเลีย ซึ่งหากข้อตกลงนี้สำเร็จ ทั้งสองประเทศจะสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลออนไลน์ผ่านผู้ให้บริการข้อมูลของทั้งสองฝ่าย
การเจรจานี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลหสรัฐฯได้มีการเซ็นสัญญาข้อตกลงดังกล่าวกับสหราชอาณาจักรไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และบังคับใช้อย่างเป็นทางการในทั้งสองประเทศ โดยให้บริษัทเทคโนโลยีต่างๆส่งมอบข้อมูลหลักฐานทางอิเล็คทรอนิคตามคำขอเพื่อใช้ในการสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอื่นๆ
โดยร่างกฏหมายดังกล่าวมีชื่อว่า CLOUD Act หรือ Clarifying Lawful Overseas Use of Data ซึ่งถูกผ่านโดยสภาคองเกรซเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้กับอาชญากรรมโดยการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นอย่างรวดเร็วๆเพื่อการสืบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็ว
William Barr กล่าวว่า “CLOUD Act ถูกสร้างขึ้นเพื่อเปิดให้ประเทศพันธมิตรที่เข้มงวดในเรื่องการปกป้องความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของผลเรื่อน อย่างออสเตรเลีย ได้เข้าถึงข้อมูลที่จะเป็นจากสหรัฐฯ”
“เวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนข้อมูลอาชญากรรมที่ร้ายแรงอย่างผู้ก่อการร้ายหรือการทารุณกรรมเด็กนั้น มันมีความจะเป็นอย่างมากที่จะต้องทำงานให้รวดเร็ว และ CLOUD Act จะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์อย่างมาก” Peter Dutton กล่าว
การบังคับใช้ CLOUD Act จะทำให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็น อีเมล์, เอกสารหรือบันทึกการสื่อสาร ข้อตกลงต่างๆที่กระทำและถูกเก็บไว้ในรูปแบบอิเล็คทรอนิค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนเป็นอย่างมาก
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง