ทำเอาคนธรรมดาผู้ขับรถไปทำงานอย่างเรา ๆ น้ำตาร่วงกันเป็นแถบ หลังเห็นราคาน้ำมันที่นับวันก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ งานนี้ใครที่กำลังมองหารถดี ๆ สักคันก็คงต้องเบนเข็มไปทางรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% กับ รถยนต์ EV ที่ตอนนี้ตลาดรถไฟฟ้ากำลังแข็งขันกันอย่างดุเดือดเลยทีเดียว วันนี้ The Thaiger จะมาพาทุกท่านไปรู้จักกับ รถยนต์ EV คืออะไร ? แตกต่างจากรถธรรมดาอย่างไร ? ช่วยให้เราประหยัดได้จริงหรือไม่ ?
รถยนต์ EV คืออะไร ? มารู้จักกับรถรถยต์ไฟฟ้า 100% กัน
รถยนต์ EV คือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มีชื่อเต็มว่า Electric Vehicle ที่ตอนนี้มีแนวโน้มทางการตลาดดูจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมที่ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว ในการขับเคลื่อน และสามารถชาร์จไฟได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด โดยรถยนต์ไฟฟ้านี้จะมีองค์ประกอบหลักสำหรับการขับเคลื่อนคือ แบตเตอรี่ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และ มอเตอร์ไฟฟ้า
การเคลื่อนที่ของรถยนต์ EV ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป โดยรถยนต์ EV จะใช้พลังจากไฟฟ้าแทนการใช้มันน้ำหรือพลังงานอื่น ๆ ระบบรถไฟฟ้าจะเก็บพลังงานเอาไว้ในแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้ และแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อนรถ ทำให้ไม่ต้องมีกลไกลอะไรที่มากเหมือนขับเคลื่อนอย่างเช่นรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ที่ต้องใช้การจุดระเบิดเผาไหม้ในการขับเคลื่อน
ขั้นตอนการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า มีจุดเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ต่อมาตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ ต่อไปทำให้เครื่องยนต์เงียบ และไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงาน
โดยทั่วไปแล้วนั้น รถยนต์ไฟฟ้า EV สามารถแบ่งได้หลากหลายประเภทตามแต่ละเทคโนโลยีที่ทางค่ายรถจะพัฒนาออกมา โดยจะเป็นการแบ่งกลุ่มของการใช้พลังงานในการขับเคลื่อน ตั้งแต่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว จนถึงการใช้ระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อน และยังมีรถยนต์ชนิด Fuel Cell Vehicles (FCV) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน ในปัจจุบันรถยนต์ EVสามารถแบ่งตามเทคโนโลยีออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle : HEV) เทคโนโลยีไฮบริด เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีของพลังงานไฟฟ้าที่เข้ามามีบทบาทยาวนานที่สุดในประเทศไทย การทำงานของ รถยนต์ชนิดนี้เป็นแบบน้ำมันเชื้อเพลิงผสมกับพลังงานไฟฟ้าหรือแบบลูกผสม โดยเครื่องยนต์หลักที่ใช้จะเป็นตัวเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำงานผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และระบบจะเลือกทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์เองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) รถยนต์ประเภทนี้มีระบบ น้ำมันเชื้อเพลิง และระบบไฟฟ้า เช่นเดียวกับรถยนต์ไฮบริด แต่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้จากภายนอกหรือ Plug-in ทำให้เมื่อเสียบชาร์จพลังงานแล้วรถก็สามารถวิ่งไปได้ในระยะทางที่มากกว่าระบบไฮบริดแบบเดิม และแบตเตอรี่ ยังสามารถชาร์จไฟเพิ่มเพื่อกักเก็บประจุได้ตามต้องการ และเมื่อแบตเตอรี่หมดลงรถจะทำงานคล้ายกับระบบแบบไฮบริด (HEV )
รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวในการขับเคลื่อน (Plug-in Electric Vehicles : PEVs)
รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะคล้ายคลึงกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) เพียงแต่จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักเพียงอย่างเดียว เมื่อแบตเตอรี่หมดลงจะต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จประจุใหม่ สามารถแยกตามการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้ ดังนี้
รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้วิ่งในระยะสั้น เป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้สำหรับการวิ่งในระสั้นเพียงเท่านั้น ไม่เหมาะแก่การวิ่งหรือเดินทางข้ามจังหวัด หรือต่างเมือง มีช่วงการขับขี่ต่ำและทำงานที่ความเร็วต่ำ ตัวอย่างเช่น GEM Electric Motorcar
รถยนต์ไฟฟ้าประเภท Battery Electric Vehicle (BEV) เป็นรถยนต์ EV ที่ให้พลังงานในการวิ่งจากแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100% ดังนั้นก้อนแบตเตอรี่จึงจะมีขนาดใหญ่ เพื่อให้เก็บไฟฟ้าไวว้ได้เยอะ และสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลต่อการชาร์จต่อหนึ่งครั้ง โดยรถประเภทนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในจึงไม่ทำให้เกิดสารก่อมลพิษ แต่มีข้อเสียอยู่ที่มีระยะทางการวิ่งจำกัด โดยระยะทางในการขับขี่จะขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ในการใช้งาน และเส้นทางวิ่ง
รถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle – FCEV) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อน และใช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) โดยเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากการเติมเชื้อเพลิงภายนอก ไม่มีการปล่อยมลพิษ และคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรง จะมีเพียงการปลดปล่อยน้ำเท่านั้น ในปัจจุบันรถยนต์แบบ FCEV ได้มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นในเร็ววัน
ประหยัดค่าเชื้อเพลิง แม้ว่ารถไฟฟ้า EV ในปัจจุบันจะมีราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร แต่เมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมัน จะเห็นว่าแนวโน้มราคาของรถไฟฟ้า EV เริ่มจะถูกลงเรื่อย ๆ และเนื่องจากพลังงานของรถไฟฟ้า EV มาจากการชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าไปที่ตัวแบตเตอรี่ ทำให้อัตราค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิงของรถไฟฟ้าก็ถูกกว่าเชื้อเพลิงน้ำมันเช่นกัน
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง